King of all
Thai Amulets
Pra Somdej
Wat Rakang "Pim
Jedi"
by Somdej
Pra
Puttajarn (Dto)
Prohmrangsri.
Product :000208
Price :00.00
Detail:Pra
Somdej Wat
Rakang by
Somdej Pra
Puttajarn (Dto)
Prohmrangsri
The Pra
Somdej Wat
Rakang
amulet is
the Keystone
and Master
amulet (Ongk
Kroo) for
all other
Pra Somdej
amulets. It
is an image
in the
likeness of
the Buddha
sitting on a
Dais, which
was
essentially
created by
Somdej Pra
Puttajarn (Dto)
Prohmrangsri,
of Wat
Rakang
Kositaram.
There are
various
different
‘Pim’
(models)
with varying
design
features.Pra Somdej Wat Rakang Pim Gaes Talu Sum
Wat Rakang Kositaram
Increase luck tremendously, Wealth fetching, Good in business, Overall good luck, Metta, Family Harmony, Very good in protection from harm and danger, Good opportunity and successful in everything that you do.
Pra Somdej Wat Rakang - Pim Gaes Talu Sum (Topknot piercing the arch). One of ten different Pim (models) in the 'Yorn Yuk 108 Pi' one hundred and eight years anniversary edition amulets 2556 BE. Free gold micron plated waterproof casing is included with the amulet, which comes in the original felt box from the Temple. Blessing ceremony presided over by the Abbot of Wat Pak Nam (Wat Luang Por Sodh).
Made from Nuea Pong Puttakun Pasom Pong Gao (with powders from the original edition of Pra Somdej Buddhacharn Toh).
These 10 different models are perhaps the 10 most famous Buddha image amulets in all of Thai amulet making history. The prestige which they have carried throughout the decades and even over the centuries now, has come to be known around the world as the most classic amulet of all Thai Buddhist amulets.
The broken cracked surface texture lends a most elegant subtle beauty to this amulet.
It is said that Phra Somdej Toh made the amulets to help the world come to know Buddhism and to give good karma for the world, not himself. Keepers of the amulets today receive many blessings because Somdej didn’t act selfishly when making the amulets.
These amulets are for fund raising in Wat Rakang.
Beautifully directly from Wat Rakang, only left with 15 pieces.
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์เจดีย์
รายละเอียด:
พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์เจดีย์
ชาติภูมิ
เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์
วัดระฆังโฆสิตาราม
จังหวัดธนบุรี
นามเดิมว่า
"โต"
(กล่าวกันว่าเมื่อเป็นเด็ก
รูปร่างท่านแบบบาง
ผู้ใหญ่จึงตั้งชื่อให้ตรงกันข้าม
(ข่มนาม) ว่า
"โต" )
นามฉาย าว่า
"พฺรหมรังสี"
เกิดในรัชกาลที่
๑
(สร้างกรุงรัตนโกสินทร์ได้แล้ว๗
ปี) ณ
บ้านตำบลไก่จ้น
(ท่าหลวง)
อำเภอท่าเรือ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เมื่อวันพฤหัสบดี
เดือน ๕ ขึ้น
๑๒ ค่ำ ปีวอก
จุลศักราช
๑๑๕๐
เวลาพระบิณฑบาต
(ตรงกับวันที่
๑๗ เมษายน
พ.ศ. ๒๓๓๑
มีผู้รู้ตำราโหราศาสตร์ได้ผูกดวงชาตาของท่านไว้ดังนี้
(ในหนังสือ
"ประวัติขรัวโต"
ของพระยาทิพโกษากล่าวว่า
ดวงชะตาของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ
นั้น
สมเด็จพระมหาสมณะเจ้า
กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์
(ผู้สร้างพระกริ่งปวเรศน์ผู้เขียน)
ทรงคำนวณถวายสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง
ด้วยมีพระประสงค์จะทรงทราบว่า
ผู้มีอายุตั้งแต่
๘๐
ปีขึ้นไปจะมีดวงชะตาเป็นอย่างไร
แล้วพระราชทานไปยังสมเด็จกรมพระยาเทววงศ์วโรปการ
ซึ่งได้ประทานให้แก่พระยาทิพโกษา
ลอกคัดเก็บรักษาไว้อีกต่อหนึ่ง
ดวงชะตาของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ
ที่ว่านี้ลัคนาสถิตราศีใดหาทราบไม่
แต่ได้ค้นพบในที่อื่นอยู่ในหอพระสมุดแห่งชาติ
ปรากฏว่าโหรวางลัคนาไว้ในราศีเมษ
แต่พบในที่อื่นอยู่ในราศรีพฤษภ.
(มหาเฮง
วัดกัลยาณ์)
สำหรับดวงที่ท่านเห็นอยู่นี้
ผูกขึ้นจากข้อมูลการเกิดข้างต้น
เพียงแต่ลงตำแหน่งดาวเพิ่มขึ้นจากเดิม
๓ ดวง คือ
เนปจูน (น)
พลูโต (พ)
และแบคคัส
(บ)
โดยได้วางลัคนาไว้ที่ราศีพฤษภ
เนื่องจากช่วงเวลาที่พระบิณฑบาตร
กว่าจะออกจากวัดตอนหกโมงเช้า
พายเรือมากว่าจะถึงบ้านโยม
ก็คงใช้เวลาอย่างน้อยเป็นชั่วโมง
เพราะต้องรับบาตรเรื่อยมา
เวลาที่ลงไว้
เมื่อวางลัคนา
และเทียบกับอัตตชีวประวัติ
ตลอดจนอุปนิสัยของท่านแล้ว
เชื่อว่า
ถูกต้อง
ตรงกับความเป็นจริง
มากกว่าที่จะอยู่ในราศีเมษ
(อ.เล็ก
พลูโต )
วงศ์สกุล
วงศ์สกุลของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ
กล่าวกันว่า
เจ้าพระคุณสมเด็จฯ
เป็นพระราชโอรส
ในพระองค์พระบามสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
และตลอดจนชั้นสามัญชนทั่วไป
ก็เข้าใจกันว่าเป็นเช่นนั้น
แต่เรื่องนี้ไม่เป็นที่กระจ่างแจ้งจึงไม่ขอยืนยัน
มารดาชื่อเกสร
(ธิดานายชัย)
เดิมเป็นชาวบ้านตำบลท่าอิฐ
อำเภอท่าโพธิ์
ต่อมาในสมัยหนึ่งการทำนาไม่ได้ผลเพระฝนแล้งมาหลายปี
จึงย้ายภูมิลำเนาไปอยู่
ณ บ้านไก่จ้น
(ท่าหลวง)
อำเภอท่าเรือ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
แต่อย่างน้อยที่สุดท่านต้องเป็นเชื้อพระวงศ์ในราชวงศ์จักรี
(ความปรากฏในจดหมายเหตุบัญีน้ำฝน
ของสมเด้จพระมหาสมณะเจ้า
กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์เล่น
๓ หน้า ๔๔
ว่า
"...วันเสาร์
แรม ๒ ค่ำ
เดือน ๘
(ต้น) ปีวอก
จุล. ๑๒๓๔
เวลา ๒ ยาม
สมเด้จพระพุฒาจารย์ถึง
"ชีพิตักษัย....."
ดังนี้ส่อให้เห็นว่าท่านต้องเป็นเชื้อพระราชวงศ์)
กล่าวกันว่าเมื่อท่านเกิดแล้ว
ขณะที่ท่านยังเป็นทารกนอนเบาะ
มารดาพาท่านไปพักอยู่ที่บ้านตำบลไชโย
จังหวัดอ่างทอง
พอท่านสอนเดินได้
มารดาก็พาท่านมาอยู่
ณ
บ้านตำบลบางขุนพรหม
จังหวัดพระนครสืบมา
(ในกาลหลังท่านจึงได้สร้างพระพุทธรูปใหญ่ไว้
ณ
ตำบลทั้งสามเป็นอนุสรณ์)
เจ้าพระคุณสมเด็จฯ
สิ้นชีพิตักษัย
ณ
หอสวดมนต์วัดระฆังโฆสิตาราม
จังหวัดธนบุรี
เมือเวลา ๒
ยาม
(๒๔.๐๐น.)
วันเสาร์แรม
๒ ค่ำ เดือน
๘ (ต้น)
ปีวอก
จุลศักราช
๑๒๓๔
ตรงกับวันที่
๒๒ มิถุนายน
พ.ศ. ๒๔๑๕
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ
คำนวณอายุได้
๘๕ ปี
ครองพรรษาได้
๖๕ พรรษา
@---------------------
ขอบคุณครับ
---------------------@
---------
เพื่อนๆท่านใดสนใจโทรติดต่อด่วนครับ
---------
---------------
พร บางระจัน
081-7842076
-----------------
|